CountDown @เชียงดาว
การเดินทางที่ผ่านมาในหลายๆประเทศ ทำให้เราได้อะไรต่างๆมากมาย เป็นประสบการณ์ที่บอกเลยว่าล้ำค่า ปีใหม่ปีนี้ก็เช่นกันขอซึมซับอะไรที่ล้ำค่าที่เหนือประเทศไทยนี่เอง มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนชาติใดที่เคยเจอ… เกือบจะบ่าย 3 แล้วท้องฟ้ายังดูสดใส แสงแดดกระทบกาย ยอดหญ้าพริ้วไหวกระทบกัน ไม่พ้นที่จะเอามือยื่นออกไปนอกหน้าต่าง สัมผัสกับความหนาวที่กำลังจะมาถึง ผ่านจังหวัดภาคกลางจังหวัดแล้วจังหวัดเล่าไล่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงเหนือประเทศไทยนั้น เราได้อะไรระหว่างทางมากมาย จนในที่สุดก็ถึง เกือบ 800 Km. การเดินทางในครั้งนี้มีจุดหมายที่สำคัญคือ มาเคาท์ดาวน์ ปีนเขา สัมผัสทะเลหมอกตอนเช้าที่เขาเด่นทีวี สันปาเกี๊ยะ มานอนกางเต็นท์กลางหุบเขาสัมผัสธรรมชาติที่ชัดเจนในอุทยานแห่งชาติ แล้วปล่อยใจบันทึกความทรงจำไปกับชนเผ่าลีซอ ร้องเพลง เต้นรำ On The Floor โอ้ยน่าฮักอย่าบอกใคร ที่ยังคงบริสุทธิ์ เพราะความเป็นมนุษย์นั้นน้อยนัก พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปยังไง ?? …มาปล่อยโคมลอยด้วยกันในวันเคาท์ดาวน์ อุ่นขึ้นกับการกินหมูกระทะ สุดแซ่บ กับ 3 วัน 2 คืนด้วยงบสบายใจเพราะเงินยังอยู่เกือบครบในกระเป๋า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่นี่ “อ.เชียงดาว” จังหวัดเชียงใหม่ ตามกันมาเล้ยยย!!
ถนนหนทางที่จะไปยังเชียงดาวนั้น ต้องบอกก่อนโลกไม่ได้สวยอย่างที่คิด ทางดูไม่ง่ายเลย เรามาถึงเกือบมืด ทางขึ้นเขานั้นยังคงไม่มีไฟฟ้าส่วนใหญ่ ขรุขระมาก แนะนำอย่าเอารถดีๆไปวิ่ง รถอาจเสียหายได้ SUV โอเค หรือกระบะมาเปรี้ยวได้ที่นี่ ทางลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งยิ่งกว่าอะไร บางช่วงนั้นก็ยังซ่อมถนนอยู่ บางช่วงก็มืดสนิทเป็นป่าช้าไปเลย ให้ฉงนใจว่า เอะ!! นี่กุมาถูกทางป่าววะ… ถึงทางโค้งหนึ่งมีศาลพระภูมิเจ้าที่เรียงรายรวมประมาณ 30 หลัง กระจุกอยู่ตรงนั้น เฮ้ย !! ตายแน่กรูตายแน่ มืดก็มืด มาผิดทางป่าววะ เฮ้อ… จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้เพราะมาไกลหลายกิโล เอาวะ สู้ตายเดินหน้าต่อไป ฮึบๆ… แต่ชาวบ้านเล่าว่าศาลพระภูมิตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ที่ๆพวกเขามาขอพรกันประจำ… จนในที่สุดก็มาถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติเชียงดาว ค่าเข้านั้นสบายใจคนละ 25บาท รถคันละ 20 บาท เฮ้อ มาถูกทางแล้วตรู… จากนั้นรถก็ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้านที่ทิ้งระยะห่างกันพอตัว ให้อุ่นใจมากขึ้นนิสนุง ^^
เราหยุดถ่ายรูปชาวบ้านในขณะที่รถวิ่งผ่าน เชื่อมะว่ามีลุงคนนึงอุ้มเด็กราว 5-6เดือน เดินเข้ามาหาเราแล้วให้ถ่ายรูปพวกเขา แต่พวกเขาพูดภาษากระเหรี่ยงฟังแล้วไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่สื่ออกมาได้จากกริยาท่าทางว่า เฮ้ยอีหนูสวัสดี นี่กำลังจะไปพักที่ไหน พวกเรายินดีที่ได้รู้จักนะ ...นั่น…ช่างต่างจากสิ่งที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน เพราะถ้าเป็นเราก็จะโกรธที่มีคนมาถ่ายรูป และบางที่ในโลกที่เคยเจออาจขอตังค์ด้วย เพราะมองทุกอย่างเป็นธุรกิจ มีให้มีรับ บางคนถึงกับยอมรับเลยว่าของฟรีไม่มีในโลก บางครั้งเรากดสัญญาณไฟขอทางเพื่อเลี้ยว แต่ทำไมทุกครั้งที่กดไฟเลี้ยวรถอีกคันจะต้องพุ่งเข้ามาเลย มันกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว…เฮ้อ…มาวันนี้เราพบดาวเคราะห์ดวงนึงที่ต่างจากโลกปัจจุบันที่เจอ เป็นดาวเคราะห์น้อยที่ผู้คน “ไม่ค่อยมีความเป็นมนุษย์มากนัก” โดยเฉพาะเรื่อง โลภ โกรธ หลง… ถ่ายรูปกัน ฉันโอเค นี่หมู่บ้านฉันเป็นงี้นะ คนนี่ชื่อนี้ ไม่มีความคิดในแง่ระแวง หรือแง่ร้ายใดๆ การเดินทางมาครั้งนี้ของเราถึงพิเศษสุดๆไง…
Sponsor
ถึงแล้ววว!! พักกับเขาฟาร์มสเตย์ ที่พักที่ถูกล้อมรอบไปด้วยขุนเขาลูกเล็กลูกใหญ่เรียงรายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเชียงดาว และมีหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยงกับชาวลีซอหลักๆ ที่อาศัยอยู่ในนั้น รถจอดเทียบท่าขนของลง โอ้ยย…มานี่เหมือนได้หยุดลมหายใจถอดร่างไว้ เพราะแต่ละหลังของที่พักนั้นทำด้วยหญ้าแห้ง ไม้ไผ่ บริสุทธิ์ เราไม่รอช้ารีบเดินไปยังที่พัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า สบายใจมากมั้ยคืนนี้นอนเต็นท์คระ กะจะซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ ราคาบอกแล้วว่าสบายใจ คนละ 500 บาท ต่อคืน ส่วนบ้านนั้นคนละ 600 บาท มา 2 คืน ก็ 1,000 บาท มีอาหารเช้าให้เป็นไข่ลวก กะข้าวต้มหมู มีกาแฟ โอวัลติน ฟรีแถมพิเศษสุดในตอนฟ้าสางประมาณตี 5 ก็จะมีคนมาพาไปดูทะเลหมอก สันป่าเกี๊ยะ ดอยแม่ตะมาน อ.เชียงดาว ชาวบ้านเรียกว่า “เขาเด่นทีวี” สมัยก่อนคือเขาที่มีสัญญาณโทรทัศน์ที่ดีที่สุดในบริเวณนั้น ชาวบ้านชอบเอาทีวีมานั่งดูกันบริเวณนั้น และเป็นจุดชมทะเลหมอกที่ไม่แพ้ที่ไหนๆในประเทศไทย แผ่กว้างครอบคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา เหมือนเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ สุดแสนจะโรแมนติก ชิกๆด้วยภาพโดรนสัมผัสธรรมชาติ 360 องศา มาฝาก ส่วนตกเย็นนั้นบรรยากาศที่นี่ดูเซ็กซี่มากๆ คือมีปิ้งหมูกระทะสุดแซ่บ 400 บาทต่อชุด เรียกได้ว่าคุ้มจริงๆโดยหมูนั้นสดมากเพราะพวกเขาเลี้ยงไว้เอง อาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบจากในเขานี้ เพราะถ้าลงเขาไปมันไกลและลำบากมาก อร่อย สด สะอาด และให้ไออุ่นมาบรรเทาความหนาวไปได้บ้าง
พวกชนเผ่าลีซอเริ่มมาชุมนุมกันที่นี่ในวันเคาท์ดาวน์ และได้มีโอกาสสัมผัสพูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน พอสักประมาณสองทุ่มเศษ พวกเราก็เริ่มลุกขึ้นมาเพื่อก่อกองไฟร่วมเต้นรำ และร้องบรรเลงเพลงด้วยกัน สนุกสุดๆ มันหลุดไปอีกอารมณ์…และเพลงที่พวกเขาร้องนั้น (ฟังจากในวีดีโอ) ร้องว่า… “ขอบใจๆๆฉันรักเธอ… ขอบใจวันนี้ฉันมีเธอ… จะรักเดียวเธอเสมอไป…จะดูแลเธอตลอดไป้ โอ้ๆ… เย้ เย” ชอบมากอะ ^^ คือมันเป็นเพลงที่ร้องวน ร้องซ้ำ หลายรอบมาก จนจำได้ และเปล่งเสียงดังๆ มันเหมือนสื่อทางอารมณ์แห่งความคิดถึงด้วยเพลง และใช้แคนน้ำเต้า (ฟู่วหลูว) เป็นเครื่องดนตรีสื่อ เล่นเวลาว่างหรือมีงานประเพณีต่างๆ นี่แหละคือความสุนทรีของพวกเขา ไม่ปรุงแต่งใดๆ บริสุทธิ์ ไม่มีเสียงเบส เสียงกลอง ให้ยุ่งยาก เป็นวิถีที่สบายๆ และปล่อยโคมลอยตอนเที่ยงคืนมันมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร จนนึกอิฉาพวกเขาที่ได้เกิดมาที่นี่…เหนือสุดประเทศไทย ณ. อำเภอเชียงดาว กับวันเคาท์ดาวน์ที่จะเป็นบันทึกความทรงจำกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เหนือความเป็นมนุษย์
ขอบคุณพวกพี่น้องชนเผ่าลีซอ (ลีซู) ทุกคน และพวกพี่ๆทีมงานพักกับเขาฟาร์มเสตย์คะ